🕸️ Static vs Dynamic Website – Web Server รับมือยังไง?
เว็บไซต์ในโลกนี้แบ่งออกได้หลัก ๆ เป็น 2 ประเภท คือ Static และ Dynamic
แต่ละแบบมีวิธีการทำงาน การให้บริการ และการจัดการจากฝั่ง Web Server แตกต่างกันอย่างชัดเจน
📄 Static Website คืออะไร?
Static Website คือเว็บไซต์ที่ใช้ไฟล์ HTML, CSS, และ JavaScript แบบตายตัว
ทุกครั้งที่ผู้ใช้เข้าชมเว็บ จะได้รับไฟล์เดิมที่ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้า
- 🧱 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์
- 📂 โหลดเร็วมาก เพราะไม่ต้องประมวลผล
- 🛡️ ปลอดภัย เพราะไม่มีฐานข้อมูลหรือ Script ฝั่งเซิร์ฟเวอร์
ตัวอย่าง: เว็บไซต์ Portfolio, เว็บประกาศทั่วไป, หน้า Landing Page
⚙️ Dynamic Website คืออะไร?
Dynamic Website คือเว็บไซต์ที่มีการสร้างเนื้อหาแบบเรียลไทม์ ข้อมูลในหน้าเว็บถูกดึงจากฐานข้อมูลหรือประมวลผลฝั่งเซิร์ฟเวอร์ก่อนส่งให้ผู้ใช้
- 📡 ข้อมูลเปลี่ยนแปลงได้ตามผู้ใช้หรือเวลา
- 🧠 ใช้ภาษาอย่าง PHP, Python, Node.js, Ruby
- 💾 ต้องมีฐานข้อมูล (MySQL, PostgreSQL เป็นต้น)
ตัวอย่าง: WordPress, ฟอรั่ม, ระบบ Login, E-Commerce
🖥️ Web Server รับมือยังไง?
ประเภท | Static | Dynamic |
---|---|---|
กระบวนการทำงาน | อ่านไฟล์ .html แล้วส่งตรง | ประมวลผลผ่าน PHP/Node + ดึงข้อมูลจาก DB |
ใช้ CPU/Memory | ต่ำ | สูง |
ความเร็ว | เร็วมาก | ขึ้นอยู่กับโค้ดและโหลดระบบ |
ความซับซ้อน | ง่าย | ต้องมี Back-end |
ความปลอดภัย | สูง | ต้องอัปเดตสม่ำเสมอ |
🔧 แล้ว Web Server ต้องปรับตัวยังไง?
- 🟦 Apache: ใช้ได้ทั้ง Static และ Dynamic แต่ Dynamic จะโหลด Module เพิ่ม (เช่น mod_php)
- 🟩 Nginx: ให้บริการ Static ได้เร็วมาก และใช้ Proxy ไปยัง Backend สำหรับ Dynamic
- 🟧 LiteSpeed: เร็วทั้งสองแบบ โดยเฉพาะ WordPress
หลายองค์กรใช้ Hybrid Approach → Static + Dynamic โดยใช้ Cache และ CDN ช่วยเพิ่มความเร็ว
🎯 สรุป
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Static และ Dynamic Website จะช่วยให้เราเลือกเทคโนโลยี Web Server ที่เหมาะสมกับโปรเจกต์ของเราได้ง่ายขึ้น
รวมถึงสามารถวางแผนด้าน Performance, ความปลอดภัย และ Resource ได้ดีขึ้นด้วย
🐧 LinuxSEA – เรียนรู้ เติบโต และแบ่งปัน บนเส้นทางของโอเพ่นซอร์ส